
ด้วยบทบาท “บุรุษชุดดำ” Johnny Cash ถ่ายทอดความจริงของชีวิตมานับไม่ถ้วน แต่ผลงานที่สรุปเส้นทางทั้งหมดของเขากลับเป็นเพลง Hurt บทเพลงที่ทั้งโลกจดจำในฐานะลมหายใจเฮือกสุดท้ายของเขา
จาก Industrial สู่ Country: จุดตัดอันเหลือเชื่อของเพลง Hurt
การที่ Johnny Cash เลือกเพลง Hurt มาตีความใหม่ ถือเป็นเรื่องที่ไม่มีใครคาดคิด เพราะต้นฉบับและตัวตนของเขานั้นอยู่คนละขั้วทางดนตรี
Hurt ดั้งเดิมคืออะไร?
ต้นฉบับ Hurt จากวง Nine Inch Nails เต็มไปด้วยอารมณ์หนักแน่น ซาวด์อิเล็กทรอนิกส์ และความมืดมนที่ลึกซึ้ง
บทบาทของโปรดิวเซอร์ Rick Rubin
โปรเจกต์ American Recordings ของ Cash เกิดขึ้นภายใต้การดูแลของ Rick Rubin ผู้มีวิสัยทัศน์ในการผสานดนตรีต่างแนวเข้าด้วยกันอย่างเป็นธรรมชาติ
เจ้าของเพลงต้นฉบับคิดอย่างไร?
ปฏิกิริยาแรกของ Reznor คือความไม่แน่ใจ เขากังวลว่า Hurt เวอร์ชันใหม่อาจไม่เข้ากับสไตล์คันทรี่ของ Cash
การเลือกเพลงนี้นำไปสู่การสร้างผลงานที่โลกไม่อาจลืม โดยเฉพาะมิวสิกวิดีโอที่กลายเป็นตำนาน
การสร้างสรรค์ผลงานชิ้นเอกและเบื้องหลังมิวสิกวิดีโอ
เบื้องหลัง MV Hurt มีทั้งความท้าทาย ความเจ็บปวด และความจริง ซึ่งทำให้มันกลายเป็นผลงานชั้นเอก
ผู้กำกับที่รู้ทันทีว่า Hurt คือผลงานชีวิต
ความหลงใหลของ Romanek ทำให้เขาตัดสินใจทุ่มสุดตัว แม้จะไม่รับค่าตัวก็ตาม
การถ่ายทำที่แข่งกับเวลา
ทีมงานต้องเผชิญกับความท้าทายครั้งใหญ่ในการถ่ายทำ ซึ่งบีบให้พวกเขาต้องทำงานภายใต้ข้อจำกัดมากมาย
- อาการป่วยของ Cash: เขาอ่อนแรงลงเรื่อย ๆ จนทีมงานต้องปรับรูปแบบการถ่ายทำ
- ความไม่พร้อมของศิลปิน: Cash เริ่มไม่อยากอยู่ในที่ถ่ายทำเพราะความหนาว
- ถ่ายทำต้องจบไว: ไม่มีเวลาให้แก้ตัวหรือถ่ายซ้ำมากนัก
ฉากหลังที่บอกเล่าเรื่องราวของ Cash
สถานที่ถ่ายทำหลักคือ House of Cash ซึ่งเคยเป็นทั้งบ้านและพิพิธภัณฑ์ของ Johnny Cash แต่ได้ปิดตัวลงนานหลายปีแล้ว สภาพที่รกร้างนี้เองที่จุดประกายความคิดให้ผู้กำกับ Mark Romanek
Romanek กล่าวว่า “ผมต้องการเล่าความจริงของ Johnny ผ่านฉากนี้ เหมือนที่เขาเคยเล่าชีวิตผ่าน กีตาร์โปร่ง ของเขามาตลอด”
ในตอนนั้น Romanek ตระหนักว่าพิพิธภัณฑ์ที่เสื่อมโทรมไม่ใช่ข้อจำกัด แต่เป็นอัตลักษณ์ที่มีชีวิตสำหรับแก่นเรื่องของบทเพลง ทั้งความตาย ชื่อเสียง และความทรงจำ
การเล่าเรื่องด้วยสัญลักษณ์อันทรงพลัง
มิวสิกวิดีโอ Hurt ไม่เพียงแต่ประกอบด้วยภาพการแสดงของ Cash เท่านั้น แต่ยังเต็มไปด้วยภาพเชิงสัญลักษณ์ ซึ่งถ่ายทอดอารมณ์ให้กับผู้ชมได้อย่างชัดเจน
สัญลักษณ์ที่ถูกออกแบบอย่างประณีต
- โต๊ะอาหารหรูแต่ไร้ผู้คน นอกจาก Cash ที่นั่งอย่างโดดเดี่ยว
- ภาพฟุตเทจเก่า ๆ จากช่วงเวลาที่รุ่งโรจน์ในอดีตของ Johnny ถูกนำมาตัดสลับกับภาพของเขาในปัจจุบันที่ดูอ่อนแอและเหนื่อยล้า
- รางวัลแพลตตินัมที่แตกร้าว สะท้อนเวลาที่เปลี่ยนไป
- ภาพฝาเปียโนที่ค่อย ๆ ปิดลงในตอนท้าย ซึ่งเป็นสัญลักษณ์ของการสิ้นสุดอาชีพนักดนตรีอันยาวนานของเขา
อิทธิพลลึกซึ้งที่ส่งถึงคนในวงการดนตรี
ผลงานชิ้นนี้สะเทือนใจคนในวงการเป็นอย่างมาก แม้แต่ Rick Rubin โปรดิวเซอร์ผู้ปลุกปั้นเพลงนี้ขึ้นมา ยังยอมรับว่า "เขาร้องไห้ในครั้งแรกที่ได้ดู" Music Collection ขณะที่ปฏิกิริยาของ Trent Reznor ศิลปินเจ้าของเพลงต้นฉบับนั้นยิ่งตอกย้ำถึงพลังของมัน เขาเล่าถึงตอนที่ดูวิดีโอเป็นครั้งแรกพร้อมกับ Zack de la Rocha (จากวง Rage Against the Machine) ว่า "เมื่อวิดีโอจบลง... บรรยากาศในสตูดิโอนั้นมีแต่ความเงียบงัน... จนผมเกือบจะร้องไห้"
Reznor ยอมรับว่า หลังจากชมมิวสิกวิดีโอจบ เขารู้ทันทีว่า Hurt ไม่ใช่เพลงของเขาอีกต่อไป แต่มันเป็นของ Johnny Cash โดยสมบูรณ์
โศกนาฏกรรมที่ตามมาหลังเพลง Hurt
หลังการถ่ายทำเสร็จเพียงไม่นาน เหตุการณ์จริงที่ตามมาก็ทำให้เพลง Hurt กลายเป็นบทสรุปชีวิตของ Cash อย่างน่าเศร้า
- ภรรยาเสียชีวิต: June Carter Cash จากไป 3 เดือนหลังปิดกล้อง
- ตำนานจากไป: Cash เสียชีวิตเพียง 7 เดือนหลังถ่ายทำ และถูกฝังข้างภรรยา
- ไฟไหม้บ้าน "House of Cash": ในอีก 4 ปีต่อมา บ้านที่ใช้เป็นฉากหลังอันทรงพลังในมิวสิกวิดีโอ ซึ่งเป็นที่ที่ Cash ใช้ชีวิตอยู่ถึง 30 ปี ก็ถูกไฟไหม้จนวอดวายทั้งหมด
มรดกทางดนตรีที่เป็นนิรันดร์
เวอร์ชันของ Cash ได้ยกระดับ "Hurt" ให้กลายเป็นมากกว่าเพลงคัฟเวอร์ แต่มันคือคำสั่งลาจากศิลปินผู้ยิ่งใหญ่ ความจริงใจและความเปราะบางในเสียงร้องของเขากลายเป็นบทส่งท้ายที่เฉียบคมของ “บุรุษในชุดดำ”
นี่คือหนึ่งในผลงานที่ยืนยันว่าศิลปะไม่ขึ้นกับยุคสมัย เพราะ Hurt ในเวอร์ชัน Cash ได้กลายเป็นตำนานที่คงอยู่เหนือกาลเวลา